มะเร็งโรคร้ายที่ใครก็ไม่อยากเจอ แต่ก่อนที่เป็นโรคร้าย ร่างกายอาจส่งสัญญาณเตือนให้รู้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น วันนี้เราจะพามาดู 7 สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม ถ้ามีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์โดยด่วน
น้ำหนักที่ลดลงฮวบฮาบแบบไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน เช่น ไม่ได้อยู่ในช่วงควบคุมอาหาร หรือ ออกกำลังกาย แต่ตัวเลขบนตราชั่งกลับลดลงเรื่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งได้หลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งลำไส้ หรือแม้แต่มะเร็งปอด ในหลายครั้งนอกจากน้ำหนักที่ลดลงแล้วก็อาจมาพร้อมกับอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เบื่ออาหาร กินได้น้อยลง หรือรู้สึกอ่อนเพลียผิดปกติ บางครั้งอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือรู้สึกเหมือนอาหารไม่ย่อยเป็นประจำ หากสังเกตเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักมากกว่า 5 กิโลกรัมภายในระยะเวลา 1-2 เดือน โดยไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดควรเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด
ลองจับดูตามร่างกายหากพบก้อนเนื้อใหม่ หรือก้อนแข็งที่ร่างกายซึ่งไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะบริเวณเต้านม ต่อมน้ำเหลือง อัณฑะ หรือแม้แต่บริเวณใต้ผิวหนัง อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งอัณฑะ หรือมะเร็งผิวหนัง ก้อนเนื้อที่พบใหม่มักจะขยายขนาดขึ้นเรื่อย ๆ กดไม่เจ็บ แต่มีลักษณะติดแน่นกับเนื้อเยื่อรอบข้าง ในบางครั้งอาจมาพร้อมอาการบวมหรืออักเสบร่วมด้วย หากสังเกตเห็นว่าก้อนเนื้อเติบโตอย่างรวดเร็ว หรือเริ่มมีอาการปวดควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงทันที
เลือดออกโดยไม่มีเหตุผล เช่น ไอหรือขากเสมหะเป็นเลือดอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งปอด หากมีเลือดออกปนมากับอุจจาระโดยสีของเลือดอาจเป็นได้ทั้งสีแดงสดหรือสีคล้ำนั่นอาจสัญญาณของมะเร็งลำไส้ ส่วนอาการเลือดออกปนมากับปัสสาวะ หรือช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ช่วงระหว่างการมีประจำเดือน นั่นอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะหรือมะเร็งปากมดลูก ในหลายครั้งอาการเลือดออกผิดปกติมักมาพร้อมกับอาการปวดท้องเรื้อรัง ผิวหนังสีซีด หรือมีอาการอ่อนเพลีย ดังนั้น เพื่อความสบายใจควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็วเพราะอาจเป็นภาวะของโรคที่ร้ายแรงกว่าที่คิด
แผลเล็ก ๆ ธรรมดาแต่รักษายังไงก็ไม่หายเกิน 2-3 สัปดาห์ หรือมีความผิดปกติ เช่น โตขึ้น มีของเหลวไหลซึม อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งผิวหนังหรือมะเร็งในช่องปาก โดยเฉพาะคนที่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หากแผลมีอาการอักเสบเรื้อรัง หรือมีเลือดออกบ่อยครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือมีแผลเกิดขึ้นบริเวณปากหรือลิ้นอยู่บ่อย ๆ อาจเกิดจากการกัดปากหรือลิ้นแต่หายช้ากว่าปกติ อาการแบบนี้ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้และควรรีบตรวจสอบอย่างละเอียดเช่นกัน
ถ้าท้องอืดบ่อย ๆ หรือท้องผูกสลับกับท้องเสียแบบไม่มีสาเหตุ เป็นต่อเนื่องเกิน 2-3 สัปดาห์ อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งลำไส้หรือมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ถ้ามีอาการปวดท้องร่วมด้วย หรือรู้สึกกลืนอาหารลำบาก ให้รีบพบแพย์ทันที อาการอื่นที่อาจเป็นร่วมกันได้อีก คือ อุจจาระที่มีลักษณะเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น มีสีคล้ำผิดปกติ หรือมีกลิ่นแรงขึ้นมาก รวมถึงปัสสาวะที่ผิดปกติ เช่น ปัสสาวะบ่อย หรือรู้สึกปวดเวลาปัสสาวะ
ไอแห้ง ๆ เรื้อรังนานเกิน 3-4 สัปดาห์ หรือเสียงแหบแบบไม่มีไข้ อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งปอดหรือมะเร็งกล่องเสียง ถ้าเริ่มมีอาการไอเป็นเลือด หรือแน่นหน้าอกไปด้วยต้องรีบตรวจเช็คโดยด่วน อาการไอเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งปอดนั้นอาจมาพร้อมกับอาการหายใจลำบาก เจ็บหน้าอก หรือรู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น หากไอเรื้อรังนานกว่าปกติอย่าคิดว่าเป็นแค่หวัดธรรมดา และหากมีเสมหะปนเลือดหรือรู้สึกเจ็บลึก ๆ ในหน้าอกควรรีบพบแพทย์ทันที
อาการเหนื่อยล้าไม่มีสาเหตุแม้จะพักผ่อนเพียงพอแล้ว บางคนอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงมีอาการวิเวียนศีรษะ หรือเป็นลมง่าย หน้าซีดบ่อย ๆ หรือมีอาการฟกช้ำตามร่างกาย เหนื่อยง่ายกว่าปกติ อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือมะเร็งชนิดอื่นที่ส่งผลกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิต นอกจากนั้นอาจมีสัญญาณอื่นร่วมด้วย เช่น มีไข้หรือเหงื่อออกตอนกลางคืน เจ็บหรือปวดบริเวณกระดูกหรือข้อต่อ หรืออาจมีเลือดออกที่เหงือก จมูก หรือบริเวณอื่น ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ
ฟังเสียร่างกาย อย่ามองข้ามสัญญาณเตือน หรือรอให้อาการหนักขึ้น การตรวจพบระเร็งในระยะแรกสามารถเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายได้สูงขึ้น ถ้ารู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติในร่างกาย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจและรับการรักษาได้อย่างทันท่วงที
