วิธีจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ ปี 2568 เคล็ดลับประหยัดเวลา ไม่ต้องรอนาน

ไม่ต้องเสียเวลารอคิวต่ออายุใบขับขี่อีกต่อไป ตอนนี้สามารถจองคิวออนไลน์ได้แล้ว สำหรับใครที่กำลังมีแผนไปต่อใบขับขี่ บทความนี้จะแนะนำความรู้เกี่ยวกับใบขับขี่ที่คนขับรถควรรู้และ วิธีจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์

ประเภท และอายุของใบขับขี่

ประเทศไทยมีการแบ่งใบขับขี่ออกเป็นหลายประเภท โดยแต่ละประเภทจะมีวัตถุประสงค์ และระยะเวลาในการใช้งานที่แตกต่างกัน สามารถแบ่งออกเป็นสองหมวดใหญ่คือ “ใบขับขี่ส่วนบุคคล” และ “ใบขับขี่สาธารณะ”

สำหรับใบขับขี่ส่วนบุคคลจะใช้สำหรับการขับขี่รถเพื่อส่วนตัวเท่านั้น โดยผู้ที่เริ่มต้นขับรถส่วนใหญ่จะเริ่มจากใบขับขี่ชั่วคราว ซึ่งจะมีอายุการใช้งาน 2 ปี หลังจากนั้นสามารถยื่นเรื่องขอเปลี่ยนเป็นใบขับขี่ส่วนบุคคลแบบ 5 ปีได้เมื่อครบกำหนด โดยไม่จำเป็นต้อบสอบใบขับขี่ใหม่ หากไม่มีการขาดการต่อใบขับขี่เกินระยะเวลาที่กำหนด

ส่วนใบขับขี่สาธารณะ เช่น ใบขับขี่รถแท็กซี่ รถตู้ หรือรถบรรทุก ที่ใช้เพื่อการประกอบอาชีพ จะมีอายุการใช้งาน 3 ปี และมีข้อกำหนดเพิ่มเติมในเรื่องของสุขภาพ และการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมก่อนต่ออายุใบขับขี่

กรณีใบขับขี่หมดอายุ และใบขับขี่ขาดอายุ

กรณีใบขับขี่หมดอายุ แต่ยังไม่ขาดอายุ คือ ใบขับขี่ที่หมดอายุแล้ว แต่ยังไม่เกิน 1 ปี เช่น ใบขับขี่หมดอายุวันที่ 1 มีนาคม 2568 หากคุณไปต่ออายุภายในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2569 จะถือว่า “หมดอายุ แต่ยังไม่ขาดอายุ” ผู้ขับขี่สามารถทำการต่ออายุได้เลยโดยไม่ต้องสอบใหม่ เพียงแค่ต้องการผ่านการอบรมตามข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งการอบรมนี้สามารถทำผ่านระบบออนไลน์ได้แล้วผ่านเว็บไซต์ e-learning ของกรมขนส่งที่ www.dlt-elearning.com ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและความยุ่งยากไปได้มาก

แต่หากใบขับขี่หมดอายุมาเกิน 1 ปี เช่น ใบขับขี่หมดอายุวันที่ 1 มีนาคม 2568 แล้วคุณมาต่อใบขับขี่วันที่ 10 เมษายน 2569 กรณีนี้ถือว่า “ขาดอายุ” เพราะเกิน 1 ปี ผู้ขับขี่จะต้องเข้ารับการอบรมที่สำนักงานขนส่ง และในบางกรณีอาจจะต้องสอบข้อเขียนใหม่ แต่หากหมดอายุมาเกิน 3 ปี จะต้องสอบข้อเขียนใหม่ทั้งหมด รวมถึงการสอบปฏิบัติขับรถอีกด้วย ซึ่งเท่ากับว่าเริ่มต้นใหม่เหมือนการออกใบขับขี่ครั้งแรกเลยทีเดียว

วิธีการจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ ฉบับอัปเดตล่าสุด 2568

ปัจจุบันการจองคิวต่อใบขับขี่สามารถทำผ่านระบบออนไลน์ได้แล้ว โดยช่องทางหลักคือแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue และเว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งทั้งสองช่องทางนี้จะมีระบบการจองคิวที่สะดวกและใช้งานง่าย เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน คุณก็สามารถเลือก วัน เวลา และสำนักงานขนส่งที่สะดวกได้ด้วยตัวเอง แอปพลิเคชัน DLT Smart Queue สามารถดาวน์โหลดฟรีได้ทั้งในระบบ Android ผ่าน Google Play Store และในระบบ iOS ผ่าน App Store หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ DLT Smart Queue ที่ www.gecc.dlt.go.th

ขั้นตอนการจองคิว

  1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหรือเข้าไปที่เว็บไซต์
  2. จากนั้นลงทะเบียนด้วยเลขบัตรประชาชน และกรอกข้อมูลส่วนบุคคลให้ครบถ้วน
  3. เมื่อลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เลือกประเภทของบริการที่ต้องการ เช่น การต่อใบขับขี่ส่วนบุคคลแบบ 5 ปี
  4. จากนั้นเลือกจังหวัด และสำนักงานขนส่งที่ต้องการไปต่ออายุ
  5. กำหนดวันที่ และเวลาที่สะดวก
  6. กดยืนยันการจอง ระบบจะส่งใบยืนยันการจองมาให้ ซึ่งสามารถแคปหน้าจอเก็บไว้แสดงในวันนัดหมายได้เลย

เอกสารที่ต้องเตรียมไปวันที่นัดหมาย

เมื่อถึงวันที่นัดหมาย ผู้ขับขี่ควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งในด้านเอกสารและเวลา เอกสารที่ต้องนำไปด้วย ได้แก่

  1. บัตรประชาชนตัวจริง
  2. ใบขับขี่เดิม
  3. ใบรับรองแพทย์กรณีที่ใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี

หากได้รับการอบรมล่วงหน้าผ่านระบบ e-learning แล้ว ควรนำหลักฐานการอบรมติดตัวไปด้วยเพื่อแสดงในวันยื่นเรื่อง สำหรับค่าธรรมเนียมในการต่อใบขับขี่แบบส่วนบุคคล 5 ปี จะอยู่ที่ประมาณ 505 บาท ซึ่งสามารถชำระได้ทั้งแบบเงินสด และผ่านบัตร หรือผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารในการโอนเงิน

ทดสอบอะไรบ้าง

ผู้ขับขี่จะต้องผ่านการตรวจสมรรถภาพร่างกายพื้นฐาน ซึ่งมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน ประกอบด้วยการทดสอบการมองเห็นสี การมองเห็นในระยะลึก การตอบสนองต่อเสียง และการวัดลานสายตา โดยเจ้าหน้าที่จะมีเครื่องมือและคำแนะนำให้ทำตามอย่างละเอียด การทดสอบเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับขี่ยังมีสภาพร่างกายที่เหมาะสมต่อการขับขี่อย่างปลอดภัย

เคล็ดลับการจองคิวได้เร็ว ไม่ต้องรอนาน

สำหรับใครที่อยากได้คิวเร็วและไม่ต้องรอนาน มีเคล็ดลับเล็กๆ มาฝาก คือ พยายามเข้าแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ในช่วงเช้ามืดระหว่าง 06.00 – 07.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่ระบบเพิ่งอัปเดตคิวใหม่ และมีโอกาสได้คิวว่างมากที่สุด อีกหนึ่งวิธีคือ เลือกสำนักงานขนส่งที่อยู่นอกเมืองหรือจังหวัดรอบข้างที่มีคนใช้บริการน้อย เช่น สำนักงานขนส่งในจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ อย่างสมุทรสงคราม นนทบุรี หรือฉะเชิงเทรา ซึ่งมักจะมีคิวว่างมากว่าสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ

ทำยังไงถ้าคิวเต็มหมด?

สุดท้ายแล้วหากพบว่าทุกคิวเต็มหมดจริงๆ เราสามารถลองติดต่อสำนักงานขนส่งโดยตรงเพื่อตรวจสอบว่าในวันนั้นมีโควตารับ Walk-in หรือไม่ เพราะบางแห่งยังคงเปิดรับผู้ที่มาแบบไม่ได้จองคิวไว้ล่วงหน้าอยู่ โดยเฉพาะในช่วงบ่ายที่อาจมีคนยกเลิกคิว หรือไม่มาในเวลานัดหมาย ทำให้มีช่องว่างสำหรับผู้ที่มาติดต่อทันที ทั้งนี้ ควรโทรสอบถามล่วงหน้าเพื่อความชัวร์ รายชื่อและเบอร์ติดต่อสำนักงานขนส่งทั่วประเทศสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ www.dlt.go.th 

เพียงเท่านี้ การจองคิวใบขับขี่ก็ไม่ต้องรอนานอีกต่อไป แค่ใช้ช่องทางออนไลน์ให้เกิดประโยชน์ บวกกับการเตรียมเอกสาร และร่างกายให้พร้อม คุณก็จะได้ใบขับขี่ใหม่ไว้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย

อ้างอิง

  • https://safedrivedlt.com/blog/

Tags : 

บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน)

999/1 เดอะไนน์ทาวเวอร์ ถนนพระราม 9
แขวงพัฒนาการ เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250

1519

 

www.thanachartinsurance.co.th