สวนสวยในคอนโดที่มีข้อแม้ในเรื่องพื้นที่จำกัดจะไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป เพราะเราสามารถดึงธรรมชาติเข้ามาอยู่ในห้องได้ด้วยสวนแนวตั้ง (Vertical Garden) ที่ไม่ใช่จะได้แค่เรื่องของความสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มความ สดชื่นในใจได้อีกด้วย
สวนแนวตั้งเป็นโซลูชันและวิธีที่ชาญฉลาดในการเพิ่มบรรยากาศให้กับพื้นที่ในรูปแบบของแนวตั้งที่ไม่ได้ให้แค่ความสดชื่นสวยงามจากสีเขียว แต่ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องฟอกอากาศธรรมชาติ เพิ่มออกซิเจน ลดเสียงรบกวน แล้วยังช่วยดูดซับสารเคมีจากในอากาศได้อีกด้วย นอกจากนั้นสวนแนวตั้งยังช่วยลดอุณหภูมิเพราะช่วยบังแดดและระเหยน้ำ ลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศซึ่งดีต่อสุขภาพใจ และสุขภาพกายโดยรวม
ก่อนเริ่มปลูกควรสำรวจพื้นที่ในห้อง หรือนอกห้องของเราก่อนว่า จุดไหนเป็นจุดที่รับแสงแดดได้เพียงพอ เพราะถึงยังไงต้นไม้ก็ต้องการแสงธรรมชาติสำหรับการเจริญเติบโต เช่น บริเวณผนังริมหน้าต่างหรือระเบียง หากห้องแสงน้อยก็อาจจะใช้เทคโนโลยีแสงไฟสำหรับการปลูกต้นไม้ช่วยได้ นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงการใช้งานหลักโดยรวมของห้องด้วย เช่น เป็นพื้นที่ที่ไม่บังทางเดินหลัก หรือพื้นที่วางเฟอร์นิเจอร์ เพื่อให้สวนแนวตั้งของเรากลายเป็นสิ่งเติมเต็มไม่ใช่สิ่งรบกวน
สวนแนวตั้งไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่สามารถเลือกตามความชอบ งบประมาณ ความเหมาะสมของพื้นที่รวมไปถึงไลฟ์สไตล์ของเราได้เหมือนกัน
ลองเลือกใช้เป็นกระบะหรือโมดูลล่าสำหรับปลูกต้นไม้เรียงต่อกันบนผนัง ติดตั้งง่าย และยังสามารถเปลี่ยนต้นไม้ได้บ่อยๆ ตามใจชอบ หรืออาจเป็นแบบกระถางแขวนจากเพดานหรือระแนงไม้ด้านบนห้อยลงมาให้อยู่ในระดับสายตา อาจไล่ความสูงต่ำให้ดูมีมิติเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ ให้ความรู้สึกมินิมอล เก็บดีเทลความสวยงามแบบไม่รบกวนฟังก์ชันหลักการใช้งานของห้อง
จับคู่สวนเข้ากับทรงเรขาคณิต อาจใช้แผงเหล็กหรือโครงสร้างไม้ที่มีสีโทนเข้มอย่างดำ น้ำเงิน น้ำตาล หรือผสมด้วยสีทองแดง แล้วประดับด้วยไม้เลื้อยที่มีใบเขียวชอุ่มอย่าง พลูด่าง เฟิร์น ไทรใบสัก เหมาะกับคนที่ชอบแนวทันสมัยแล้วยังดูเป็นอาร์ตติสต์ด้วย
เปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ในชีวิตประจำวันให้เป็นสวนแนวตั้งที่เก๋แบบไม่ซ้ำใคร แถมยังได้ไอเดียลดขยะไปพร้อมกันด้วย เช่น ถังเหล็ก ขวดแก้ว ถ้วยชามเซรามิคที่ไม่ได้ใช้แล้ว ลังไม้พาเลทเก่า ๆ เอามาวางซ้อนกันทำเป็นโครงหรือกระถางแล้วใส่ต้นไม้เล็ก ๆ หลายชนิดลงไป แค่นี้ก็ได้สวนแนวตั้งแบบไม่เหมือนใครแถมยังโยกย้ายปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้ง่ายอีกด้วย
เทคนิคการปลูกพืชโดยใช้น้ำที่ผสมสารอาหารแทนดิน ลดปัญหาการเสื่อมสภาพของดิน และควบคุมสภาพแวดล้อมได้อย่างดี ทั้งอุณหภูมิ แสง และความชื้น เหมาะมากกับการปลูกในคอนโดที่มีพื้นที่จำกัดแถมยังดูแลง่ายเหมาะสำหรับมือใหม่หัดปลูก มีทั้งที่เป็นแบบ Tower Garden (ระบบหอปลูกแนวตั้ง) หรือจะแบบไฮเทคที่มีไฟ LED ครบชุด ควบคุมผ่านแอปและมีระบบการดูแลต้นไม้แบบอัตโนมัติ
หัวใจของสวนแนวตั้งคือการเลือกต้นไม้ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของคอนโด ต้นไม้ที่ได้รับความนิยมมักจะเป็นพันธุ์ที่ทนต่อแสงน้อย ดูแลไม่ยาก และมีคุณสมบัติช่วยฟอกอากาศ ถ้าพื้นที่ตรงนั้นมีแสงแดดส่องถึงแค่รำไร ไม้เลื้อยจำพวกพลูด่างก็จะปลูกง่ายและเลื้อยได้สวยงาม เดหลีที่ออกดอกขาวตัดกับเขียวเข้มก็เหมาะ เฟิร์นชนิดต่าง ๆ ทำให้รู้สึกเขียวชอุ่มเหมือนป่าเล็ก ๆ ในบ้าน หรือลิ้นมังกรที่ดูแลง่ายแทบไม่ต้องทำอะไรและยังช่วยดูดซับสารพิษในอากาศได้ด้วย แต่ถ้าพื้นที่ส่วนนั้นมีแสงแดดจัดตลอดทั้งวัน ควรเลือกเป็นตระกูลสับปะรดสี โกสน หรือชวนชมก็จะเหมาะสมกว่า
การทำสวนแนวตั้งไม่เน้นที่การปลูกเรียงกันแบบเป็นระเบียบ แต่ควรผสมผสานพันธุ์ที่มีลักษณะใบต่างกัน เพื่อให้เกิดความหลากหลายและมิติ เช่น ใบเล็กสลับใบใหญ่ ใบกลมสลับใบเรียวยาว หรือต้นไม้ที่เลื้อยลงมาแทรกกับต้นที่ตั้งตรง การออกแบบที่ใส่ใจแบบนี้จะทำให้ผนังเขียวดูน่าสนใจและมีชีวิตชีวามากขึ้น
สวนแนวตั้งจะสวยและอยู่กับเราไปได้นาน ๆ ก็ต่อเมื่อเราดูแลอย่างเหมาะสม เรื่องแรกที่ควรคำนึงถึงคือเรื่องของระบบระน้ำ ถ้าสวนมีขนาดใหญ่อาจจะพิจารณาเป็นระบบรดน้ำแบบอัตโนมัติ เพื่อที่จะไม่ต้องกังวลเวลาที่ไม่อยู่บ้านหลายวัน แต่ถ้าเป็นสวนขนาดเล็กการรดน้ำด้วยมือวันเว้นวันก็เพียงพอแล้ว อย่าลืมตรวจสอบว่าดินมีการระบายน้ำที่ดีเพื่อป้องกันรากเน่า นอกจากเรื่องน้ำการดูแลต้นไม้ด้วยการตัดแต่งกิ่งและใบที่แห้งออกทุกสองถึงสามสัปดาห์ช่วยให้สวนสวยงามและกระตุ้นการแตกยอดใหม่ ถ้าต้นไม้บางชนิดไม่สามารถปรับตัวกับตำแหน่งแสงหรือสภาพห้องได้ก็ควรสลับต้นใหม่เข้ามาแทนที่เพื่อรักษาความเขียว นอกจากนี้ควรใส่ปุ๋ยละลายช้าเดือนละครั้งเพื่อให้ต้นไม้ได้รับสารอาหารเพียงพอ และสำหรับผู้ที่ใช้ระบบไฮโดรโปนิกส์ก็ควรหมั่นตรวจสอบค่า pH และระดับสารอาหารในน้ำอย่างสม่ำเสมอ