3 มะเร็งเจอมากในผู้ชาย รู้ทันสัญญาณแรกก่อนสายเกินไป

“มะเร็ง” โรคร้ายที่ทวีความรุนแรงสวนทางกับเทคโนโลยีทางการแทพย์ในปัจจุบัน โดยกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า ในปี พ.ศ. 2565 มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ 3 อันดับแรกของสาเหตุการเสียชีวิตของชายไทยและดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี

มะเร็งตับอันดับ 1 ของชายไทย

พบมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในชายไทย (40.5 ราย/ประชากร 1 แสนคน) และยังเป็นอันดับ 3 ของหญิงไทย (16.3 ราย/ประชากร 1 แสนคน) โดยมักพบในคนอายุ 30-70 ปี ซึ่งเป็นมะเร็งที่มีความรุนแรง เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และควบคุมการรักษาได้ยาก โดยเฉลี่ยผู้ป่วยมักเสียชีวิต 2-4 เดือนหลังได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์

จากไวรัสตับอักเสบบีกลายเป็นตับแข็ง และมะเร็งตับในที่สุด

60% ของผู้ป่วยมะเร็งตับในคนไทย พบว่าส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งมักเป็นการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูก การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีนี้จะทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อตับเรื้อรังและเกิดพังผืดจนทำให้เป็นตับแข็ง และกลายเป็นมะเร็งตับในที่สุด นอกจากนี้ การดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือกินและสูบในปริมาณที่มากเกินไปก็ทำให้เกิดอาการตับแข็งจนกลายเป็นมะเร็งตับได้ อีกทั้งคนที่เป็นเบาหวาน โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง และไขมันพอกตับ ก็มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคมะเร็งตับได้เหมือนกัน

การสังเกตอาการพร้อมแนวทางป้องกัน

ระยะเริ่มต้นอาการจะยังไม่ค่อยแสดงออกชัดเจนนัก การสังเกตภายนอกทั่วไปเลยทำได้ยาก ซึ่งส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักลด มีไข้ต่ำ เจ็บชายโครงขวา และอาจจะเจ็บมากขึ้นเวลาที่มีการเปลี่ยนอิริยาบถ หายใจ หรือไอ ถ้าเป็นในช่วงที่มะเร็งเรื้อรังแล้วอาจจะพบอาการตาเหลือง ตัวเหลือง หรือบางคนอาจมีอาการที่ชี้ไปได้ว่าเป็นตับแข็ง เช่น ขาบวม ท้องบวม เส้นเลือดโป่งพอง 

การฉีดวัคซีนป้องกันตับอักเสบบีช่วยลดการเกิดมะเร็งตับจากอักเสบบีเรื้อรังได้ งดดื่มแอลกอฮอล์ในคนที่ป่วยเป็นตับแข็งและไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง และตรวจคัดกรองหามะเร็งตับในกลุ่มเสี่ยงที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปี ทุกๆ 6-12 เดือน โดยการเจาะเลือดตรวจหาระดับ AFP ร่วมกับการตรวจ Ultrasound

มะเร็งปอด – 85% ของคนที่เป็นมีสาเหตุจากสารมีพิษที่ชื่อว่า “ทาร์”

สารพิษในบุหรี่ หรือที่เรียกว่า ทาร์ คือ สาเหตุสำคัญอันดับแรกของการเกิดโรคมะเร็งปอด โดยพบว่า 1 ใน 10 ของคนที่สูบบุหรี่จะเป็นมะเร็ง และ 1 ใน 6 ของคนที่สูบบุหรี่ติดต่อกันส่วนใหญ่จะเป็นมะเร็งปอด และ 85% ของคนเป็นมะเร็งปอดเกิดจากสารมีพิษในบุหรี่ คือ ทาร์ ซึ่งจะเข้าไปทำลายเซลล์ปอดทำให้เกิดความผิดปกติของเซลล์

คนที่สูบบุหรี่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดมากกว่าคนที่ไม่สูบเฉลี่ย 16 เท่า

โดยจะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นไปอีกหากสูบในปริมาณมากและติดต่อกันเป็นเวลานาน รวมไปถึงคนใกล้ชิดกับคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำก็จะมีความเสี่ยงการเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนปกติทั่วไปแม้จะไม่ได้สูบเองเลยก็ตาม

นอกจากการสูบบุหรี่แล้วยังมีเรื่องของมลภาวะในอากาศ โดยเฉพาะ PM 2.5 ที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดได้ถึง 1-1.4 เท่า หรือการสัมผัสกับสารก่อมะเร็งจากงานอุตสาหกรรมบางชนิด เช่น สารแอสเบสตอส หรือแร่ใยหิน ที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ และฉนวนกันความร้อน รังสีเรดอนที่มากับดิน น้ำ และสิ่งแวดล้อม หรือสารหนู และโลหะอื่น ๆ ก็ทำให้เป็นมะเร็งปอดได้เหมือนกัน

การสังเกตอาการ - รู้เร็ว - โอกาสหายก็เพิ่มขึ้น

ส่วนใหญ่แล้วในระยะแรก ๆ จะไม่พบอาการผิดปกติอะไร แต่เมื่อก้อนมะเร็งใหญ่ขึ้นจนลามไปกดทับอวัยวะอื่นถึงจะแสดงอาการ เช่น ไอ มีเลือดออก เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย หน้าบวม แขนบวม น้ำหนักลด หรือเบื่ออาหาร มะเร็งปอดถ้าพบในช่วงที่ระยะกระจายแล้วก็ยากที่จะรักษาให้หาย แต่หากเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น คนที่สูบบุหรี่ หรือมีประวัติสูบบุหรี่ หรือมีคนในครอบครัว คนใกล้ชิดสูบบุหรี่  หรือมีประวัติเคยเป็นมะเร็งปอด โดยเฉพาะผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป สามารถตรวจคัดกรองมะเร็งได้ด้วยการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดแบบใช้ปริมาณรังสีต่ำเพื่อตรวจหามะเร็งปอด ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

มะเร็งลำไส้ใหญ่ ปัจจัยมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต

สาเหตุหลัก ๆ ของมะเร็งลำไส้ใหญ่มันเกิดจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเราตั้งแต่การทานเนื้อแดงเยอะเกินไป โดยไม่ทานผักและผลไม้ ดื่มน้ำน้อย ไม่ออกกำลังกาย รวมถึงการปล่อยให้ท้องผูกอยู่บ่อย ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะพบได้กับผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป

ตัดติ่งเนื้อได้ไว... โอกาสปลอดภัยก็สูงตาม

เราสามารถตรวจพบอาการผิดปกติได้ตั้งแต่ในระยะที่เป็นติ่งเนื้อ ข่าวดีก็คือหากเราสามารถตัดออกไปได้ทันโอกาสที่จะปลอดภัยจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็สูงตาม ซึ่งข้อมูลทางทฤษฎีพบว่าติ่งเนื้อขนาด 1 ซม. จะใช้เวลานานถึง 10 ปีในการพัฒนากลายเป็นมะเร็ง โดยสามารถตรวจได้จากการส่องกล้องเข้าไปในลำไส้ใหญ่ตลอดความยาวโดยตรงเพื่อให้เห็นภาพภายในลำไส้ใหญ่และทวารหนักทั้งหมด วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีที่ค้นหาได้แม่นยำที่สุด และหากพบความผิดปกติของติ่งเนื้อที่อาจจะเสี่ยงกลายเป็นมะเร็งก็สามารถตัดออกไปได้

สังเกตุอาการเพื่อเข้ารับการคัดกรอง

อาการที่เกี่ยวกับระบบขับถ่ายไม่ว่าจะเป็นการท้องเสียสลับกับท้องผูก ขนาดอุจาระเล็กลง มีมูกเลือดออกมากับอุจาระ อึดอัดแน่นท้อง ปวดท้อง ท้องอืด มีไข้ ไม่ถ่าย ไม่ผายลม หรือเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ อาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยเข้าการคัดกรองด้วยการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ต่อไป

ที่มา

บทความที่เกี่ยวข้อง

บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน)

999/1 เดอะไนน์ทาวเวอร์ ถนนพระราม 9
แขวงพัฒนาการ เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250

1519

 

www.thanachartinsurance.co.th